หน้าหลัก Time Out Bangkok

ในยุคที่ Soft Power กลายเป็นอาวุธสำคัญทางเศรษฐกิจ วินาทีนี้คงไม่มีใครทรงอิทธิพลไปกว่า ‘ลิซ่า  ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลกสายเลือดไทย ผู้เป็นมากกว่าไอดอล แต่คือ ‘Cultural Shifter’ หรือผู้เคลื่อนย้ายทางวัฒนธรรมตัวจริง ที่ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งเล็กน้อยแค่ไหน ก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นมูลค่ามหาศาลได้ในชั่วข้ามคืน ล่าสุดกับการรับตำแหน่ง Amazing Thailand Ambassador ให้กับ ททท. อย่างเป็นทางการ ยิ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทแม่ทัพหญิง ที่พร้อมจะพาอัตลักษณ์ไทยไปเฉิดฉายในเวทีโลก ก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่แคมเปญการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ในปี 2568 Time Out ขอพาคุณย้อนรอย 8 เมนูอาหารและรสชาติไทยที่ลิซ่าได้นำอาหารโลคอลไปปักหมุดให้กลายเป็นกระแสไวรัลถล่มทลาย จนทั่วโลกต้องอยากมาลอง

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเสพเรื่องราวฮาๆ รักการดูสแตนด์อัปคอมเมดี้ หรือชอบฟังเรื่องราวรั่วๆ แบบมีสไตล์ จนเผลอนั่งไถดูคลิปเพลินๆ ตอนตีสอง บอกเลยว่างานนี้มีเฮ เพราะ Morgan Jay กำลังจะมาเปิดการแสดงที่กรุงเทพฯ ในปี 2569 กับทัวร์ที่ชื่อว่า ‘Goofy Guy Tour’ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีสุดๆ หลังจากที่เขาสร้างชื่อจนมีผู้ติดตามถล่มทลายทั่วโลกจากคลิปตลกที่ใช้ออโต้จูนและการหยอกล้อกับคนดูสุดกวนที่เป็นไวรัลไปทั่วหน้าไทม์ไลน์ View this post on Instagram A post shared by Morgan Jay (@morganjay) Morgan Jay ไม่ใช่ศิลปินเดี่ยวไมโครโฟนแบบที่คุณเคยเห็นทั่วไป เพราะเสน่ห์ของเขาอยู่ที่การโต้ตอบกับผู้ชม ความขี้เล่น และการเปลี่ยนสถานการณ์ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเรื่องตลกจนกรามค้าง โชว์ของเขาไม่ใช่แค่การมาท่องมุกตามสคริปต์เป๊ะๆ แต่เป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความสดใหม่ จริงใจ และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะในแบบที่สนุกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ View this post on Instagram A post shared by Morgan Jay (@morganjay) สิ่งที่ทำให้โชว์ของเขาน่าติดตามคือความคาดเดาไม่ได้ คุณอาจจะเริ่มค่ำคืนด้วยการคิดว่ามานั่งดูสแตนด์อัปคอมเมดี้ปกติ แต่อาจจะจบลงด้วยการได้ร่วมร้องเพลงประสานเสียง ถูกเรียกขึ้นไปบนเวที หรือนั่งขำค้างกับอะไรบางอย่างที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ความผสมผสานระหว่างเซอร์ไพรส์ เอเนจี้บวก และความรั่วนี่แหละที่ทำให้แฟนๆ ของเขาตกหลุมรัก เตรียมตัวมาขำ มากรี๊ด และอาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายนี้ไปพร้อมกัน และนี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนวันงาน วันแสดงโชว์? วันที่ 21 พฤศจิกายน 2569 คือวันที่ Morgan Jay จะยกทัพความฮา ‘Goofy Guy Tour’ มาถึงไทย ใครที่เป็นแฟนคลับตามดูคลิปในอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ลองนึกภาพบรรยากาศแบบนั้นแต่มาเกิดขึ้นสดๆ ตรงหน้าดู รับรองว่าเป็นค่ำคืนที่จะลืมไม่ลงแน่นอน สถานที่จัด? เตรียมตัวมาระเบิดความฮาที่ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ โรงละครอเนกประสงค์ ชั้น 7 และ 8 ของสยามสแควร์วัน พื้นที่นี้ขึ้นชื่อเรื่องระบบเสียงและเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนก็ได้อรรถรสแน่นอน วิธีจองตั๋ว? ราคาบัตรเริ่มต้นที่ 1,800 บาท ถึง 2,400 บาท สามารถจับจองได้ผ่านทาง Megatix ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยที่นั่งจะแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่าง (โซน A-C) ราคา 2,400 บาท และชั้นบน (โซน D-E) ราคา 1,800 บาท ผังที่นั่ง Photograph: Megatix

หนึ่งในหนังไทยที่น่าจับตามองที่สุดของปีหน้า ‘Human Resource’ พนักงานใหม่ (โปรดรับไว้พิจารณา) ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของ เต๋อ–นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่าเรื่องจากรายละเอียดเล็กๆ รอบตัว ตั้งแต่ชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ ไปจนถึงคำถามว่าด้วยตัวตน ผ่านคาแร็กเตอร์ที่ดูธรรมดาแต่ไม่เคยธรรมดาในแบบของเขา หลังฝากผลงานสร้างชื่ออย่าง Mary is happy, Mary is happy, ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ, Die Tomorrow และ ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ นวพลกลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์ที่ชวนมองชีวิตมนุษย์ยุคทำงานอย่างตรงไปตรงมา เจ็บลึก และชวนคิดตาม Photograph: Human Resource (2025) Human Resource เป็นหนังดราม่าที่เล่าเรื่องของหญิงสาวฝ่าย HR ผู้ต้องนั่งสัมภาษณ์ผู้สมัครงานจากหลากหลายชีวิต เพื่อค้นหา ‘คนนั้น’ ที่ใช่สำหรับองค์กร และอาจรวมถึงคำตอบบางอย่างของชีวิตตัวเอง นำแสดงโดย เอิงเอย–ประภามณฑล เอี่ยมจันทร์, เพชร–เผ่าเพชร เจริญสุข, อะตอม–ชนกันต์ รัตนอุดม และ พิมมา (PiXXiE) พิมมาดา ใจสักเสริญ  ก่อนหน้านี้ Human Resource ได้ออกไปเฉิดฉายในรอบ World Premiere ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิซ ครั้งที่ 82 พร้อมเสียงปรบมือยาวเกือบ 3 นาที ก่อนเดินสายฉายในเทศกาลภาพยนตร์ทั่วโลก ทั้งปูซาน อิตาลี โปแลนด์ อียิปต์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ พร้อมกระแสรอบฉาย Sold Out ในหลายเมือง ล่าสุดภาพยนตร์ได้ประกาศวันเข้าฉายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันที่ 29 มกราคม 2569 เตรียมไปสำรวจชีวิตการทำงานและความเป็นมนุษย์ผ่านสายตาของนวพลบนจอใหญ่พร้อมกันต้นปีหน้าในโรงภาพยนตร์

ใครที่มีแพลนอยากหนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ แต่ไม่อยากเดินทางไกล อยุธยา คือคำตอบที่ใช่ เพราะใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น สำหรับคนที่หลงใหลในศิลปะการแสดงไทย ไม่ว่าจะเป็นโขน การแสดงพื้นบ้าน หรือละครรำ ต้องรีบปักหมุด ‘วัดไชยวัฒนาราม’ ลงในตารางเที่ยวของคุณด่วนๆ เพราะโบราณสถานแห่งนี้กำลังจัดงาน ‘อยุธยานาวา เมืองท่านานาชาติ ร่มพระบารมีสิริยาลัย’ งานใหญ่ส่งท้ายปีที่ยกเอาศิลปะการแสดงระดับตำนานมาไว้ท่ามกลางโบราณสถานยามค่ำคืน พร้อมแสง สี เสียงสุดอลังการ ที่จะปลุกวัดเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง ไฮไลต์เด็ดคือการได้ชมโขน ละคร ดนตรี และการแสดงพื้นบ้านหลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางบรรยากาศกรุงเก่ายามค่ำคืน คุณสามารถเดินชมวัด แวะเดินตลาดโบราณนานาชาติ หรือจะเก็บภาพโบราณสถานสวยๆ ที่ถูกสาดไปด้วยแสงไฟหลากสีได้ทุกมุม งานนี้จัดยาวๆ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 รับรองว่ามาซ้ำได้หลายรอบก็ไม่เบื่อ เพราะมีโชว์ให้ดูไม่ซ้ำกัน   ตารางการแสดง: การแสดงเดือนธันวาคม 26 ธ.ค. – ละครนอก เรื่อง พระอภัยมณี 27 ธ.ค. – โขน รามเกียรติ์ ตอนจองถนน 28 ธ.ค. – รำวงย้อนยุค และดนตรีไทย 29 ธ.ค. – ละครพันทาง เรื่อง ราชาธิราช 30 ธ.ค. – ดนตรีสากล 31 ธ.ค. – สวดมนต์ข้ามปี การแสดงเดือนมกราคม 2569 1-2 ม.ค. – การแสดงดนตรีไทย 3 ม.ค. – โขนเด็ก รามเกียรติ์ และพระลอ 4 ม.ค. – การแสดงดนตรีไทย 9 ม.ค. – ละครนอก เรื่อง สังข์ทอง 10 ม.ค. – ขับร้องเพลงลูกทุ่ง 11 ม.ค. – การแสดงงิ้ว เรื่อง เปาบุ้นจิ้น 16 ม.ค. – ดนตรีสากล 17 ม.ค. – การแสดงลำตัด 18 ม.ค. – วงโปงลาง 23 ม.ค. – ดนตรีพื้นบ้าน กันตรึม 24 ม.ค. – การแสดงชาติพันธุ์มอญ 25 ม.ค. – การแสดงล้านนา 30 ม.ค. – การแสดงมลายู 31 ม.ค. – รำไทยย้อนยุค 1 ก.พ. – การแสดงดนตรีไทย เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ (รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่) ตั้งแต่เดือนธันวาคมยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 เริ่มงานตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 21.30 น. ที่ วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

หากจะกล่าวว่าปีนี้คือ ‘ปีทองของวงการไดโนเสาร์ไทย’ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งกว่าเดิม เมื่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้กลายเป็นดินแดนดึกดำบรรพ์ กับการเปิดตัว Thainosaur Museum พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งใหม่ล่าสุด ที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ และถือว่าเป็นพิพิธภัณไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากความสำเร็จของนิทรรศการ Thainosaur เมื่อกลางปีที่ผ่านมาที่จัดแสดงที่ท่าเตียน สู่การยกระดับครั้งใหญ่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เต็มรูปแบบ ที่พร้อมพาแฟนๆ ไดโนเสาร์ ย้อนเวลากลับไปสำรวจความยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่เคยครอบครองผืนแผ่นดินสยามเมื่อหลายล้านปีก่อน ให้คนไทยได้ไปเดินคู่กับพวกมันอย่างใกล้ชิด Photograph: Asset World Corporation Thainosaur Museum คือการต่อยอดจากนิทรรศการชั่วคราวสู่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาอย่างเต็มรูปแบบ ที่รวบรวม ฟอสซิลแท้ หุ่นจำลอง และข้อมูลไดโนเสาร์ สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบในประเทศไทยไว้มากที่สุด พบกับกองทัพสัตว์ดึกดำบรรพ์ระดับตำนาน นำทีมโดย ‘คุณบุญช่วย’ ภูเวียงโกซอรัส, ยอดนักล่า ‘สยามโมไทแรนนัส’, จ้าวเวหา ‘การูแดปเทอรัส’ และพญาจระเข้ ‘ชาละวัน ไทยแลนดิคัส’ ที่ห้ามพลาดคือการเปิดตัวดาวเด่นน้องใหม่แห่งสยามประเทศ ‘Thaitan (ไทยทัน)’ ซอโรพอดร่างยักษ์ความยาวกว่า 30 เมตร ที่จะมาสร้างแรงสั่นสะเทือนระดับครีเตเชียส ให้คุณได้สัมผัสความยิ่งใหญ่แบบเต็มตา หุ่นจำลองทุกตัวมาในสเกลเท่าของจริง เก็บรายละเอียดตั้งแต่พื้นผิวผิวหนัง เส้นขน สีสัน กรงเล็บ ไปจนถึงโครงสร้างร่างกาย โดยอ้างอิงงานวิจัยล่าสุดจากทีมนักบรรพชีวินไทย เพื่อให้ภาพของ ไดโนเสาร์ไทย ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกหนึ่งจุดไฮไลต์คือ โซนอิมเมอร์ซีฟ ซึ่งออกแบบเป็นเส้นทางเดินผจญภัยผ่านยุคสมัยต่างๆ ของไดโนเสาร์ไทย ให้ผู้ชมได้เรียนรู้ไปพร้อมกับความตื่นเต้น ก่อนปิดท้ายด้วยโซนจัดแสดงผลงานศิลปะจากศิลปินไทยรุ่นใหม่ ที่เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์เข้ากับงานสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว Photograph: Asset World Corporation การเปิด Thainosaur Museum ยังตอกย้ำภาพของเอเชียทีคในฐานะหมุดหมายที่รวบรวมไดโนเสาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน นอกจากนี้ โครงการยังเป็นส่วนหนึ่งของ Bangkok Spectacular 2026 ที่ได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากกรมทรัพยากรธรณี โดยมีการจัดแสดงฟอสซิล การให้ความรู้ด้านธรณีวิทยา และการผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการเรียนรู้ เพื่อเปิดโลกวิทยาศาสตร์ให้เข้าถึงคนทุกวัย หากใครอยากไปเปิดประสบการณ์นี้กับตาเนื้อสามารถแวะเข้าไปชมได้แล้ววันนี้ ที่  ชั้น 1 อาคารสกายฟลายเออร์ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์  เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22:00 น.  ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท (จ.-ศ. ก่อน 16.00 น.)  และ ผู้ใหญ่ 290 บาท เด็ก 180 บาท (จ.-ศ. หลัง 16.00 น., ส.-อา. และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

เมื่อลมหนาวเริ่มพัดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา สัญญาณแห่งการเฉลิมฉลองก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง สำหรับใครที่เป็นขาแดนซ์ หรือหลงใหลในความคลาสสิกสไตล์วินเทจ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขในบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากทุกปี ต้องยอมรับว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ‘วงการสวิงแดนซ์ในไทย’ ได้สร้างปรากฏการณ์ความคึกคักให้กรุงเทพฯ อย่างน่าจับตามอง จากกลุ่มคนรักดนตรีเล็กๆ ขยายวงกว้างจนสามารถเปลี่ยนแลนด์มาร์กสำคัญให้กลายเป็นฟลอร์เต้นรำสุดฮิปที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงดนตรีมาแล้ว และในครั้งนี้ The Hop Bangkok ผู้นำคอมมูนิตี้สวิงแดนซ์ ไม่รอช้าที่จะส่งมอบความสุขส่งท้ายปี ด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศพาคุณข้ามฝั่งมาสัมผัสลมหนาวริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านฝั่งธนบุรี กับงาน Vintage Swing Fair: Christmas Swing Fest 2025 งานนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของกิจกรรมปลายปีที่ผสมผสานความรื่นเริงของเทศกาลคริสต์มาสเข้ากับวัฒนธรรมการเต้นได้อย่างลงตัว โดยได้เนรมิตพื้นที่ของ Anunta Cafe & Bistro ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขแบบคูณสอง ที่เป็นทั้งฟลอร์เต้นรำและตลาดคริสต์มาสสุดคลาสสิก ภายในงานคุณจะได้เพลิดเพลินกับ Live Swing Jazz Christmas Market ตลาดนัดริมน้ำที่รวบรวมงานอาร์ต งานคราฟต์ และของขวัญสไตล์วินเทจหายาก เหมาะสำหรับเดินเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ พร้อมอิ่มอร่อยกับโซน Food & Booze จิบเครื่องดื่มเย็นๆ เคล้าวิวแม่น้ำยามค่ำคืน ไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ ตลอด 4 วัน: 25 ธ.ค.: เปิดฟลอร์คืนคริสต์มาสด้วยความประทับใจกับ Penguin Villa  26 ธ.ค.: สนุกสุดเหวี่ยงกับวงสวิงแจ๊สชั้นนำ The Swing Bouncers 27 ธ.ค.: พบกับฝีมือระดับอาจารย์อย่าง The Rhythm Hoppers 28 ธ.ค.: ส่งท้ายความประทับใจกับ The Stumblers วงดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการผสมผสานสวิงแจ๊สเข้ากับความเป็นไทย   Photograph: The Hop Bangkok สิ่งที่ทำให้กิจกรรมสวิงแดนซ์ในกรุงเทพฯ มีเสน่ห์คือ ‘ความเปิดกว้าง’ งานนี้จึงมี เวิร์กช็อปสอนเต้นสวิงฟรีทุกวัน เพื่อให้มือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานได้ลองขยับร่างกายและเรียนรู้จังหวะไปพร้อมๆ กัน ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองหากิจกรรมใหม่ๆ หรือ New Year's Resolution รับปี 2026 ในบัตรราคาที่เป็นมิตรเพียง 150 บาท (1 วัน) และ 270 บาท (2 วัน) ราคานี้รวมความคุ้มค่าทั้งเวิร์กช็อป, คูปองแทนเงินสด 50 บาท และส่วนลดค่าอาหาร 15% จากทางร้านไว้เรียบร้อยแล้ว มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสีสันยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ ทิ้งความวุ่นวายไว้ข้างหลัง แล้วมาสวิงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  งาน Vintage Swing Fair : Christmas Swing Fest 2025 ที่ Anunta Cafe & Bistro วันที่ 25-26 ธันวาคม เวลา 16.00-23.00 น. และ วันที่ 27-28 เวลา 12.00-23.00 น. ซื้อบัตรได้ที่นี่

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาทาสหมาทาสแมวทั่วกรุงเทพฯ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่พักใหญ่ หลังมีข่าวการประกาศใช้ ข้อบัญญัติสัตว์เลี้ยงฉบับใหม่ ที่เตรียมดีเดย์บังคับใช้วันที่ 10 มกราคม 2569 นี้ โดยเนื้อหาหลักที่ถูกวิจารณ์หนักคือการกำหนด โควตาจำนวนสัตว์เลี้ยงตามขนาดพื้นที่อยู่อาศัย เช่น ผู้ที่อยู่คอนโดฯ หรือหอพักอาจเลี้ยงได้เพียง 1-2 ตัว ส่วนบ้านเดี่ยวจำกัดราว 2–6 ตัว พร้อมกฎบังคับให้ฝังไมโครชิปและจดทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท กติกานี้จุดชนวนคำถามทันทีว่า การใช้ ‘พื้นที่’ เป็นตัวชี้วัดความรักและความรับผิดชอบนั้นสมเหตุสมผลแค่ไหน หลายฝ่ายกังวลว่ากฎที่เข้มเกินไปอาจย้อนศร ทำให้คนจำใจทิ้งสัตว์เลี้ยง จนกลายเป็นปัญหาสังคมและสาธารณสุขที่หนักกว่าเดิม Photograph: BMA แต่ล่าสุด บรรยากาศตึงเครียดเริ่มคลี่คลาย เมื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดศาลาว่าการต้อนรับเครือข่ายคนรักสัตว์ นำโดย องค์กรจัดสวัสดิภาพจิตอาสารักษ์สัตว์ไทย เพื่อหารือถึงผลกระทบของข้อบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลลัพธ์คือสัญญาณบวกที่หลายคนรอคอย ผู้ว่าฯ ยอมรับว่ากฎบางข้ออาจยังไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง และเตรียมนำเรื่องเข้าสภา กทม. ในช่วงต้นเดือนมกราคม เพื่อ ขอเลื่อนการบังคับใช้ ออกไปก่อน ให้ประชาชนมีเวลาตั้งตัวมากขึ้น ที่น่าสนใจกว่าการเลื่อนเส้นตาย คือการปรับ Mindset การจัดการใหม่ จากการควบคุมและลงโทษ ไปสู่การทำงานเชิงรุกและการให้บริการ โดย กทม. มีแผนส่งทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่ลงพื้นที่ ให้บริการ ฉีดวัคซีน ทำหมัน และฝังไมโครชิปฟรี ถึงชุมชน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แทนการรอปรับภายหลัง นอกจากนี้ยังเตรียมยกเครื่อง ศูนย์ควบคุมสุนัขประเวศ ให้กลายเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่ เปิดกว้างต่อการรับอุปการะ เปลี่ยนภาพจำเดิมให้เป็น ‘บ้าน’ ของสัตว์ไร้เจ้าของอย่างแท้จริง Photograph: BMA   เสียงสะท้อนจากภาคประชาชนยังชี้ว่า การใช้ขนาดพื้นที่เป็นเกณฑ์เดียวอาจไม่ครอบคลุม เพราะบ้านใหญ่ก็อาจดูแลไม่ดี ขณะที่คนอยู่พื้นที่เล็กอาจใส่ใจสัตว์เลี้ยงมากกว่า อีกทั้งข้อกำหนดให้ผู้เช่าต้องขอหนังสือยินยอมจากเจ้าของบ้านเพื่อจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง ในทางปฏิบัติแทบทำไม่ได้ และอาจผลักคนไปสู่การปล่อยสัตว์ ซึ่งคือปัญหาที่สังคมไม่อยากเห็น สรุปแล้ว ตอนนี้ทาสหมาทาสแมวชาวกรุงฯ ยังไม่ต้องตื่นตระหนกเพราะกติกายังอยู่ในช่วง ปรับจูน โดย กทม. ยืนยันว่าจะหาจุดสมดุลระหว่างความรับผิดชอบต่อสังคมกับภาระของประชาชน ระหว่างนี้ ใครมีปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยง ต้องการทำหมันหรือฉีดวัคซีน สามารถแจ้งผ่านแอป Traffy Fondue ให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 50 เขตเข้าดูแลได้ ถือเป็นการถอยคนละก้าว เพื่อก้าวต่อไปที่ดีกว่าสำหรับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง

  ถือเป็นของขวัญปีใหม่จาก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางกลับต่างจังหวัดหรือออกไปพักผ่อนนอกกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ กทพ. มอบความสุขให้ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยการ เปิดให้ผ่านทางฟรีที่ด่านเก็บเงินกว่า 110 แห่ง ทั่วเส้นทางหลักในเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เปิดให้ใช้ฟรีจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเส้นทาง ดังนั้นแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนออกเดินทาง โดยบางเส้นทางเปิดให้วิ่งฟรีตลอดทั้งสัปดาห์ ในขณะที่บางเส้นทางจะฟรี 2 วัน   วิ่งฟรี 7 วันเต็ม (30 ธันวาคม - 5 มกราคม 2569) เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม ยาวไปจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 5 มกราคม ท่านสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย: ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา - ชลบุรี)   วิ่งฟรี 2 วัน (31 ธันวาคม - 1 มกราคม 2569) เส้นทางเหล่านี้จะเปิดให้ผ่านฟรีตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันสิ้นปี จนถึงเที่ยงคืนของวันปีใหม่: ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน - ปากเกร็ด) สิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy Pass นอกจากนี้ ยังมีของขวัญพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy Pass โดยเฉพาะ ใน วันที่ 6 มกราคม เพียงวันเดียว กทพ. จัดโปรโมชั่นคืนเงินค่าผ่านทาง (Cashback) สูงสุดถึง 50 เปอร์เซนต์ ตลอดทั้งวัน เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้บริการที่เลือกใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การจราจรหน้าด่านมีความคล่องตัว หากคุณมีแพลนเดินทางในช่วงเทศกาล อย่าลืมวางแผนเส้นทางและตรวจสอบเวลาให้ดี ช่วงเวลายกเว้นค่าผ่านทางจะเริ่มหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ดังนั้นหากใครตื่นเช้าและออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 หรือ 31 ธันวาคม ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที สำหรับใครที่ยังจ่ายด้วยเงินสดอยู่ ลองเปลี่ยนมาใช้ Easy Pass ดูไหม? นอกจากจะช่วยให้ผ่านด่านได้สะดวกรวดเร็วแล้ว ยังได้รับสิทธิ์โปรโมชั่นรับเงินคืนในเดือนมกราคมนี้อีกด้วย  

ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางมาถึงช่วงสิ้นปี แต่กรุงเทพฯ ก็ยังคงคับคั่งไปด้วยกิจกรรมมากมายล้นปฏิทินให้เราได้ออกไปทำกันแบบยาว ๆ ในสุดสัปดาห์ก่อนปีใหม่ หากใครกำลังมองหาอีเวนต์เดียวที่รวมครบทั้งกีฬา ไลฟ์สไตล์ ดนตรี อาหาร และกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว Princess’s Cup Thailand 2025: Weekend & Lifestyle คือหนึ่งในงานที่ไม่ควรพลาด เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่คุณจะได้ชมการแข่งม้าใจกลางเมือง กับบรรยากาศชิลล์ๆ กลางลานหญ้าใจเมือง ที่คุณสามารถเดินช้อปตลาดงานคราฟต์และของวินเทจ ชิมสตรีตฟู้ดจากฟู้ดทรัค ก่อนปูเสื่อนั่งปิกนิกฟังดนตรีสดและดีเจยาวตลอดวัน แถมยังเป็นงาน Pet-friendly ที่พาน้องหมาน้องแมวมาปล่อยจอยได้แบบสบายใจ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 ธันวาคม 2568 เวลา 13.00-22.00 น. ณ สนามขี่ม้า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ (สนามเป้า) เดินทางสะดวกด้วย BTS สนามเป้าหรืออารีย์ และที่สำคัญ เข้าฟรีตลอดงาน พร้อมที่จอดรถฟรี Photograph: Princess’s Cup Thailand 2025: Weekend & Lifestyle Princess’s Cup Thailand 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิด ‘Building the Bond Between Horse & Rider. Discover the Joy of Horse Connection’ ซึ่งเน้นย้ำหัวใจสำคัญของกีฬาขี่ม้า ไม่ใช่เพียงความเร็วหรือพละกำลัง แต่คือความผูกพัน ความไว้วางใจ และความเข้าใจระหว่างนักกีฬากับม้า การแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 ธันวาคม 2568 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ประธานกรรมการอำนวยการนโยบาย ผู้ทรงเป็นนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย และทรงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวงการกีฬาขี่ม้าของไทยสู่เวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ภายในงานสามารถเข้าชมการแข่งขัน FEI SEA Youth Cup 2025 และการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน รวม 5 ประเภท ได้แก่ ศิลปะบังคับม้า (Dressage) การขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping) อีเวนท์ติ้ง (Eventing) สุดยอดผู้ดูแลม้า (Best Groom) สุดยอดช่างเกือกม้า (Best Farrier) Photograph: Princess’s Cup Thailand 2025: Weekend & Lifestyle นอกจากการแข่งขันขี่ม้า งานนี้ยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมสนุกตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น Dog Fun Run และการแข่งขันสุนัขใช้งาน สุนัขสวยงาม Weekend Running Club กิจกรรมขี่ม้าและป้อนอาหารโพนี่ Kid Zone พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชน นิทรรศการ ‘THE SPIRIT OF ETERNAL GRACE จิตวิญญาณของความสง่างามอันเหนือกาลเวลา’ และ โซน Flea Market & Food Truck สำหรับสายชิลล์ ชิม ช้อป แบบไม่เร่งรีบ Princess’s Cup Thailand 2025 ที่ สนามขี่ม้า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ (สนามเป้า) วันที่ 22-28 ธันวาคม เวลา 13.00-22.00 น. เข้าชมฟรี

ใครโตมากับการดูหนังพากย์สด ใครเคยได้ยินคำว่า ‘โรงหนังไม้’ จากพ่อแม่ หรือใครเป็นคอหนังสายตำนาน สุดสัปดาห์ก่อนสิ้นปีนี้ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) กำลังจะปลุกชีพ ศาลาเฉลิมธานี หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โรงหนังนางเลิ้งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมชวนทุกคนร่วมฉลอง ‘วันกำเนิดภาพยนตร์โลก’ (Cinema World Day) วันที่ 27-28 ธันวาคมนี้   ความพิเศษคือ นี่ไม่ใช่แค่การฉายหนังธรรมดา แต่เป็นการเปิดโรงหนังไม้ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 107 ปี (สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6) ให้เราได้เข้าไปนั่งดูหนังกันจริงๆ นอกจากจะได้ซึมซับบรรยากาศสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่หาดูได้ยากแล้ว โปรแกรมหนังที่ทางหอภาพยนตร์คัดมาฉายก็แรร์ ไม่แพ้กัน เพราะเป็นการรวบรวมหนังจาก 3 ยุคสมัยมาให้ดูฟรีๆ ตลอด 2 วันเต็ม ไฮไลต์เด็ดที่คอหนังและสายวินเทจต้องตื่นเต้น คือการนำหนังผีตำนานของไทยอย่าง แม่นาคพระโขนง (ฉบับปี 2502) กลับมาฉายใหม่ในรูปแบบพากย์สด โดยนักพากย์ชั้นครู เหมือนเราย้อนเวลากลับไปดูหนังกลางแปลงสมัยคุณปู่คุณย่า ซึ่งหาดูแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ แล้วในปัจจุบัน Lumiere! (2016) หนังสารคดีที่พาเราย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์โลก กับผลงานของพี่น้องลูมิแอร์ และ หนังเงียบสายฮาในตำนาน Laurel & Hardy ดูกี่ทีก็ยังขำได้แบบไม่ต้องพึ่งบทพูด ตารางฉาย เสาร์ที่ 27 ธันวาคม 15.30 น. Lumiere! (2559 / 90 นาที) 18.00 น. แม่นาคพระโขนง (2502 / 101 นาที) พากย์สดโดย ดอกคำใต้ ศิวพร   อาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 15.30 น. Lumiere! (2559 / 90 นาที) 18.00 น. หนังเงียบชุด Laurel & Hardy You’re Darn Tootin’ (2471 / 19 นาที) Big Business (2472 / 21 นาที) Liberty (2472 / 21 นาที)   หลายคนอาจไม่รู้ว่า โรงหนังนางเลิ้ง เปิดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ผ่านยุคหนังเงียบ หนังไทยพากย์สด ฟิล์ม 16 มม. และ 35 มม. ก่อนจะปิดตัวลงในปี 2537 แม้โรงจะหยุดฉายไป แต่ตัวอาคารซึ่งเคยใช้ชื่อว่า ศาลาเฉลิมธานี ยังคงตั้งตระหง่านกลางชุมชนมาจนถึงวันนี้ และเพิ่งได้รับการบูรณะใหม่โดยสำนักงานพระคลังข้างที่ ทำให้ที่นี่กลายเป็น โรงมหรสพภาพยนตร์ที่เก่าแก่และอายุยืนที่สุดในประเทศไทย ในวัย 107 ปี กิจกรรมนี้ไม่เสียค่าเข้าชม และจะเปิดให้เข้าชมตัวอาคารและถ่ายรูปตั้งแต่เวลา 14.00 น. ก่อนเริ่มฉายหนัง สามารถลงทะเบียนจองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่นี่ (ปิดลงทะเบียนวันที่ 25 ธันวาคม 2568) ตอนนี้ รอบแม่นาคพระโขนงเต็มแล้ว แต่ยังมีที่นั่งสำรองสำหรับผู้ที่มาหน้างาน และรอบอื่นๆ ยังสามารถจองได้ ที่ ศาลาเฉลิมธานี (โรงหนังนางเลิ้ง)  27-28 ธันวาคม เวลา 14.00-19.00 น. เข้าฟรี