ครั้งแรกของไทยที่จะได้ชมการแสดงคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่าง The Nutcracker บัลเลต์ 2 องก์ที่เป็นอมตะประจำเทศกาลคริสต์มาสของไชคอฟสกี (Tchaikovsky) โดยครั้งนี้ Samara Theatre พร้อมนักเต้นกว่าร้อยชีวิต จะนำโปรดักชั่นล่าสุดร่วมกับวงออร์เคสตร้ามาถ่ายทอดความงามผสานจินตนาการ ดนตรี และภาพฝันให้ผู้ชมได้ตื่นตา
The Nutcracker คือการเต้นรำของคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก โดยจัดแสดงทุกปีในช่วงเทศกาลวันหยุด ทั้งคณะบัลเลต์มืออาชีพและโรงเรียนสอนศิลปะ ซึ่งบัลเลต์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ครองใจผู้ชมทุกวัยและคนทั้งโลก และอาจเป็นผลงานที่เปิดประตูให้ใครหลายคนได้รู้จักโลกของศิลปะการเต้นรำได้แท้จริง
การแสดงครั้งนี้จะเล่าเรื่องราวของเวทมนตร์ในคืนวันคริสต์มาสอีฟของครอบครัวซิลเบอร์เฮาส์ (Silberhaus) ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น และการผจญภัยในอาณาจักรมหัศจรรย์ของเด็กหญิง ‘คลาร่า’ กับของขวัญและตุ๊กตาไม้ ‘นัทแคร็กเกอร์’ และการต่อสู้กับ ‘ราชาหนู’ แต่เรื่องราวดันจบลงเมื่อคลาร่าตื่นขึ้นมาในเช้าวันคริสต์มาสเสียก่อน
ซึ่งจริงอย่างว่าที่ เธีย ซิงเกอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ The Boston Globe บอกไว้ว่า การเต้นรำเปล่งประกายยิ่งกว่าอัญมณี
แต่กว่าจะเป็นคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงอย่าง The Nutcracker ได้ทุกวันนี้ อาจจะเพราะพรสวรรค์หรือโชคเข้าข้างก็ตาม ที่แน่ๆ พวกเขาเคยเผชิญเบื้องหลังที่ไม่เคยสวยหรูมาก่อน

The Nutcracker ต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนฮอฟมันน์
The Nutcracker คือบัลเลต์ที่มีต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนชาวเยอรมันชื่อ อี.ที.เอ. ฮอฟมันน์ (E.T.A. Hoffmann) ที่ชื่อว่า Nutcracker and Mouse King พูดถึงเด็กหญิงชื่อ Marie Stahlbaum ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบและธรรมเนียมเคร่งครัดของครอบครัว วันหนึ่งในงานเลี้ยงวันคริสต์มาส คุณพ่อทูนหัว ดรอสเซลไมเออร์ (Drosselmeier) ได้นำของขวัญมาให้เด็กๆ รวมถึงมารีก็คือ ตุ๊กตานัทแคร็กเกอร์ เพื่อปลุกพลังและจินตนาการให้แก่เธอ แต่เผอิญตุ๊กตาดันแตกหักเสียก่อน
แต่คืนนั้นหลังจากงานเลี้ยงจบลง ตุ๊กตานัทแคร็กเกอร์ของเธอได้กลายร่างเป็นคน และได้ต่อสู้กับราชาหนู จนเมื่อนัทแคร็กเกอร์เอาชนะราชาหนูได้ เขาก็ชวนมารีเดินทางสู่โลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ในที่สุดเธอจึงได้ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ในโลกนั้นตลอดไป
ต่อมานิทานเรื่องนี้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่โดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส ชื่อ Alexandre Dumas ผู้เขียน The Three Musketeers และ The Count of Monte Cristo เขาได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น The Nutcracker of Nuremberg และเปลี่ยนชื่อเดิมของ ‘มารี’ เป็น ‘คลาร่า’
ดูมาส์ได้แต่งเติมเรื่องราวให้สนุกและมีสีสัน โดยเพิ่มฉากการเต้นระบำในองก์แรก และเหล่าขนมหวานในการแสดงองก์ที่สอง ส่วนฉากที่สำคัญที่สุดคือ เขาตัดตอนจบอันแสนเศร้าของต้นฉบับออกไป เปลี่ยนเป็นให้คลาร่าและนัทแคร็กเกอร์ได้กลับบ้านอย่างมีความสุขแทน

ไชคอฟสกี นักแต่งเพลงประกอบบัลเลต์ใน The Nutcracker
ซึ่งในองก์ที่สองนี้เอง ไชคอฟสกี ได้รับมอบหมายให้แต่งเพลงประกอบบัลเลต์เรื่องนี้โดยผู้อำนวยการโรงละครหลวงแห่งมอสโก (Moscow’s Imperial Theatres)
ระหว่างที่เขากำลังแต่งเพลงก็ได้ค้นพบเครื่องดนตรีชนิดใหม่ เรียกว่า เซเลสตา (celesta) ที่มีหน้าตาคล้ายเปียโน ซึ่งให้เสียงที่ใสระยิบระยับเหมือนกล่องดนตรี ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้เขาก็รู้ทันทีเลยว่าต้องถูกนำมาใช้ในประกอบบัลเลต์เรื่อง The Nutcracker อย่างแน่นอน ซึ่งเสียงจากเซเลสตาก็ปรากฏในโน้ตเปิดเพลงบรรเลง Hedwig’s Theme ในหนังเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วย

จากอดีตถึงปัจจุบันของ The Nutcracker
ในที่สุด The Nutcracker ก็ได้เปิดการแสดงครั้งแรกที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในปี 1892 แต่กลับล้มเหลวและไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะ มาริอุส เปติปา นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังซึ่งเป็นผู้กำกับคณะบัลเลต์เรื่องนี้ดันป่วยเสียก่อน ทำให้งานทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของผู้ช่วยของเปติปาเพียงคนเดียว ทำให้พวกเขาได้รับคำวิจารณ์อย่างหนัก ตั้งแต่ดนตรี ฉากการแสดง เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงการแสดงบนเวที
แต่การแสดง The Nutcracker ยังคงเดินสายจัดแสดงต่อไปชั่วครั้งคราวทั่วรัสเซียและยุโรปในบางประเทศ แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนวิลเลียม คริสเตนเซ่น ผู้ก่อตั้ง San Francisco Ballet และ Ballet West ได้ชักชวนทีมงาน The Nutcracker มาจัดแสดงที่ซานฟรานซิสโก ในปี 1944 ซึ่งครั้งนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จก็ย่อมได้ แต่มามีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ก็หลังจากที่ จอร์จ บาลานชิน ได้เปิดตัว The Nutcracker กับ New York City Ballet ขึ้นในปี 1954
หลังจากนั้น The Nutcracker ก็ดังเป็นพลุแตก สาเหตุมาจากมาเรีย ทอลชีฟ นักบัลเลต์ผู้เปี่ยมพรสวรรค์ซึ่งเป็นคนรักและแรงบันดาลใจของบาลานชิน ได้รับบทเป็น Sugar Plum Fairy ซึ่งบทบาทเด่นของเธอในวันนั้นทำให้ The Nutcracker กลายเป็นที่รักและโด่งดังในชั่วข้ามคืน
ปัจจุบัน The Nutcracker จัดแสดงในคณะบัลเลต์มืออาชีพทั่วโลก นอกจากนี้ยังทำการแสดงโดยโรงเรียนและสตูดิโอบัลเลต์ขนาดเล็กอีกด้วย โดย Studio R Ballet ได้นำ The Nutcracker มาแสดงในทุกเทศกาลตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งทั้งฉากการแสดง ชุด และนักแสดง มีการปรับเปลี่ยนและเติบโตจนกลายเป็นการแสดง The Nutcracker ในรัฐแอริโซนา ที่มีรอบการแสดงราวๆ 1 ชั่วโมง และเหมาะกับผู้ชมทุกวัย
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ไชคอฟสกีและเปติปาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อมองเห็นความสำเร็จของ The Nutcracker ในภายหลัง
The Nutcracker เริ่มแสดงวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ดูราคาบัตรและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bangkokfestivals