ตึกสูงระฟ้าของกรุงเทพฯที่ขนานกับเส้นขอบฟ้า อาจจะเป็นภาพจำของเมืองหลวงไทย แต่หมอกควันหนาทึบกลับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเห็น เพื่อจัดการกับปัญหานี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ประกาศมาตรการเข้มหลายข้อเพื่อรับมือกับฝุ่น PM2.5 ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ตั้งเป้าเป็น ‘เมืองที่หายใจได้จริงๆ’
ผู้ว่าฯ เปิดเผยว่า กรุงเทพฯ ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการให้เป็น ‘เขตควบคุมมลพิษ’ ซึ่งจะช่วยให้เมืองมีอำนาจมากขึ้นในการบังคับใช้มาตรการควบคุมคุณภาพอากาศอย่างจริงจัง และต่างจากปีก่อนๆ กรุงเทพฯจะไม่รอให้ถึงฤดูฝุ่นแล้วค่อยลงมือ แต่มาตรการเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ตลอดทั้งปี
ขยายเขตปล่อยมลพิษต่ำ
‘เขตปล่อยมลพิษต่ำ’ หรือ Low Emission Zone (LEZ) กำลังถูกขยายขอบเขตออกไป ระบบนี้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการใช้รถที่ก่อมลพิษสูงในช่วงที่คุณภาพอากาศแย่ที่สุด ตอนนี้ยังครอบคลุมเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีหกล้อขึ้นไป แต่ในอนาคตจะขยายไปยังรถขนาดเล็กด้วย รถที่จะวิ่งได้ต้องอยู่ใน ‘บัญชีเขียว’ เท่านั้น หมายถึงรถที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เช่น มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศตามกำหนด รวมถึงรถไฟฟ้า (EV) รถใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) และรถมาตรฐาน EURO 5–6 ส่วนรถคลาสสิกยังได้รับการยกเว้นอยู่
LEZ ไม่ได้เป็นมาตรการห้ามถาวร แต่จะถูกเปิดใช้เฉพาะช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ ระดับวิกฤติ เช่น เมื่อค่าเฉลี่ยในห้าเขตขึ้นสีแดง หรือคาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่สีแดงเกินห้าเขต หรือสีส้มมากกว่า 15 เขต พื้นที่ที่อยู่ในเขต LEZ ครอบคลุมบริเวณถนนวงแหวนรัชดาภิเษก รวม 22 เขต (ในนั้น 9 เขตเป็นพื้นที่ชั้นใน) และถนนหลักอีก 13 เขต หากฝ่าฝืน อาจถูกจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท
กรุงเทพฯ ยังไม่ทำงานเพียงลำพัง ทางผู้ว่าฯได้จับมือกับจังหวัดใกล้เคียงเพื่อจัดการปัญหา ‘การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม’ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุหลักของควันพิษ ตัวอย่างเช่น ในจังหวัดนครนายก สองอำเภอที่มีความเสี่ยงไฟป่าถูกนำร่องทำงานร่วมกับกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันการเผาและส่งเสริมแนวทางการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น
อากาศสะอาดเพื่อทุกคน
เด็กๆ คือกลุ่มที่ได้รับความสำคัญเป็นพิเศษทางกรุงเทพมหานครจึงกำลังขยายโครงการ ‘ห้องเรียนปลอดฝุ่น’ ดำเนินการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศและระบบกรองฝุ่น เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเรียนได้อย่างปลอดภัยแม้ในวันที่ค่าฝุ่นสูง ขณะเดียวกัน โครงการ ‘Work From Home’ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 200,000 คน ซึ่งช่วยลดทั้งการจราจรและมลพิษทางอากาศ และคาดว่าจะมีสำนักงานต่างๆ เข้าร่วมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่นเข้าสู่ระดับรุนแรง